
หลังชุด Rubber Soul และ Revolver ซึ่งถือเป็นอัลบัมตรงกลางระหว่างสองยุคของThe Beatlesพวกเขาเข้าสู่ยุคใหม่อย่างเต็มรูปแบบ เพลงของ Lennon มักจะออกมาทางขั้วแรงๆ เนื้อหานามธรรมส่วนของ McCartney มักจะสวยๆ และเนื้อหาเป็นเรื่องราว ซึ่งทั้งนี้ก็ไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไปเป็นการกล่าวกว้างๆให้พอเห็นภาพ
การแข่งขันเล็กๆระหว่างทั้งคู่เริ่มมีให้เห็น เมื่อพอล ทำเพลง Penny Lane ส่วนจอห์นทำเพลง Strawberry Fields Forever เป็นซิงเกิ้ลพร้อมกันซึ่งเนื้อหาของเพลงล้วนเป็นการบอกเล่าสถานที่ใน Liverpool บ้านเกิดของทั้งคู่ ทั้ง Penny Lane และ Strawberry Fields เป็นสถานที่จริง ซิ้งเกิ้ลมีลูกเล่นเก๋ไก๋เล็กน้อย ระหว่างเพลงแรกจบและกำลังจะขึ้นเพลงที่สอง เราจะได้ยินเสียงคล้ายๆ รถไฟๆ ผ่าน เสมือนเรากำลังเดินทางไปจากที่นึงไปอีกที่นึง
ยูนิฟอร์มของอัลบั้ม Sgt. Pepper's
ราวปี1966 Beatles กลับเข้าห้องอัดเพื่อจะทำอัลบัมที่ว่ากันว่าดีที่สุดตลอดการอัลบัมหนึ่งของโลกดนตรีอย่างSgt. Pepper's Lonely Hearts Club Band โดย พอล เป็นคนคิด concept ที่จะให้ Beatles แทนตัวเองเป็นสมาชิกสมมุติที่ชื่อว่าวง sgt. pepper โดยอัลบัมทั้งอัลบัมเสมือนการแสดงสดของวงกำมะลอนั้น
ความเจ้ากี้เจ้าการของพอลเริ่มแสดงของมาในช่วงการทำอัลบัมนี้ โดยพอล เป็นคนกำหนดทิศทางของอัลบัมทั้งหมด ไม่ว่าจะเพลงหรืออาร์ตเวิร์คของอัลบัม มีเพลงอย่าง With a Little Help From My Friends ที่พอลกับจอห์น นั่งร่วมกันแต่งแบบสมัยก่อนอีกครั้งโดยยกเพลงนี้ให้ ริงโก้ เป็นคนร้อง เพลง อย่าง She's Leaving Home จอห์นช่วยพอลแต่งให้ท่อนประสานเสียง หรือ A Day in The Life ที่พอลยกเพลงของตัวเองไปใส่ในท่อนแยกของเพลงจอห์นดื้อๆ แต่ผลกลับออกมาลงตัว ได้อัลบัมตลบอบอวนไปด้วยสำเนียงแบบ ไซคีเดลิก หลอกหลอนบันเทิงจิต เสียงเครื่องสายและเครื่องเป่าที่เล่นไต่โน๊ตจากต่ำไปสูงอย่างมั่วซั่วใน A Day in The Life หรือเพลงอารมณ์ละครสัตว์อย่าง Being for the Benefit of Mr. Kite เสียงซีต้าร์ ใน within you without you เพลง Sgt. Pepper's Lonely Hearts Club Band ที่มีเสียงคนดูราวกับมันกำลังแสดงสดอยู่nLucy in the Sky With Diamonds เล่าประสบการณ์เพี้ยนๆ ราวกับเมายายิ่งตัวย่อของเพลงคือ LSD ที่เป็นชื่อยาเสพติดอีกด้วย และ When I'm Sixty-Four เพลงน่ารักๆ ที่ตั้งคำถามว่าเธอจะรักฉันไหมเมื่อฉันแก่ลง

ช่วงนี้นี่เอง ที่ John Lennon ได้พบกับแม่ม่ายลูกติดชาวญี่ปุ่นชื่อ Yoko Ono ในงานแสดงศิลปะของเธอ ทั้งคู่เริ่มคบหากันทั้งที่เขามีภรรยาชาวอังกฤษ ซินเธีย เลนน่อน และลูกชายอย่าง จูเลี่ยน เลนนอน อยู่แล้ว หลังจากนั้นความสนใจใน Beatles ของ John ก็ค่อยๆลดลง เรื่อยๆเมื่อในใตเขามีแต่ Yoko เท่านั้น
ราวปี1967 ทางวงได้รู้จักกับ 'มหาริชิมี' ผู้นำตามจิตวิญญาณจากอินเดีย และเตรียมตัวจะไปเข้าค่ายที่อินเดียกับมหาริชิมี
แต่ข่าวร้ายก็มาถึง Brian Epstein ผู้จัดการวงของพวกเขาเสียชีวิตลงจากการเสพยาเกินขนาด
นั่นหมายความว่า Beatles จะไม่ใช่แค่นักดนตรีแล้ว พวกเขาต้องดูแลธุรกิจของตัวเอง หากหาคนมาดูแลแทนไม่ได้
John และ Paul นอกจากหุ้นส่วนทางดนตรี ทั้งคู่กลายเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจอย่างเต็มตัว
The Beatles จึงคิดจะดำเนินธุรกิจและตั้งใจจะทำอะไรที่สนุกๆและเป็นตัวของตัวเอง จึงได้ตั้งบริษัท Apple Corporation ขึ้นมาเพื่อดำเนินธุรกิจของพวกเขา โดยในตอนแรกนั้นพวกเขาจะเปิดร้านขายแผ่นเสียงก่อน และจะขยายกิจการเป็นตั้งแผนกผลิตแผ่นเสียง ภาพยนตร์ หนังสือและรับออกแบบด้วย
ในขณะที่จอห์นเริ่มสนใจ Yoko มากกว่า Beatles พอลยังสนุกกับการ 'เล่น' กับวง Beatles พอลคิดไอเดียอัลบัม Magical Mystery Tour ที่พ่วงด้วยหนังเรื่องเดียวกัน ซึ่งเป็นหนังเพี้ยนๆทุนต่ำ พยายามเล่าเรื่องให้เข้าเพลงในอัลบัมนั่นเอง ซึ่งถือเป็นโครงการที่ไม่ประสบความสำเร็จทางรายได้เท่าไร อาจเพราะพวกเขาไม่มีความสามารถด้านธุรกิจนั่นเอง(แต่ผู้กำกับอย่าง สปีลเบิร์ก บอกว่า ได้ชมเรื่องนี้สมัยเป็นหนุ่มแล้วชอบมาก)
1968 Beatles กลับมาทำงานต่อ คราวนี้การทำงานต่างออกไปโดยสิ้นเชิง John และ Paul รวมทั้ง George ทั้งสามทำงานแยกกันคนละห้องอัด นานๆครั้ง Paul จะไปเล่นเบสให้อีกฝ่าย หรือ John ไปเคาะเปียโนให้อีกฝ่าย ความห่างเหินก่อตัวจน Ringo ทนไม่ไหวประกาศออกจากวงหลังจากรู้ว่า Paul เริ่มตีกลองในงานตัวเองโดยไม่เรียกเขาแล้ว แต่ในที่สุดก็กลับมาคืนดีกันได้
ด้วยวัตถุดิบมหาศาล รวมถึงการแยกกันทำงาน Beatles จึงมีเพลงรวมถึง 30 เพลง แน่นอนว่ามันไม่สามารถลงอัลบัมได้ จึงต้องแบ่งเป็นสองแผ่นและตั้งชื่ออัลบัมง่ายๆว่าา 'The Beatles' โดยปกเป็นสีขาวแล้วมีตัวนูนๆเล็กๆเขียนชื่อวงไว้ ภายหลังอัลบัมนี้ถูกเรียกติดหูว่า 'White album'
John หย่าขาดจากภรรยาเก่าซินเธีย เลนน่อนแล้ว ไปอยู่กับ Yoko อย่างเป็นทางการ แต่ Paul ยังคงไปเยี่ยมซินเธียเสมอเนื่องจากรู้จักกันมาตั้งแต่สมัย liverpool แล้ว ที่นั้นเอง Paul ได้รู้สึกสงสาร julian lennon ลูกชายของ john อย่างมากที่ต้องรองรับปัญหาของพ่อที่ไม่ได้เรื่องอย่าง John ระหว่างทางกลับเขาฮัมเพลง 'Hey Julian' ออกมา เนื้อหาให้กำลังใจจูเลี่ยน ให้สู้ต่อไป ต่อมาเขาเปลี่ยนคำให้พูดติดปากขึ้นเป็น 'Hey Jude' และมันกลายก็เป็น single ที่ดีที่สุดเพลงหนึ่งของวง
นอกจากนั้นมันยังสะท้อนความสัมพันธ์ของ John และ Paul ที่ถึงขั้นแต่งเพลงให้ลูกชายอีกฝ่ายได้แล้ว โดย John ชื่นชม Paul มากในการแต่งเพลงนี้ โดยเอ่ยปากชม Paul ตรงๆซึ่งถือว่าเกิดขึ้นได้ยากมากสำหรับคนอย่าง John ภายหลัง Paul เล่าให้ฟังว่าการชมของ John ครั้งนั้นเป็นสิ่งแรกที่เขาคิดถึงเสมอเวลาคิดถึง John
ในขณะที่ John มี Yoko ในเวลาเดียวกัน Paul ก็ได้พบกับ Linda Eastman แม่ม่ายลูกติดเช่นกัน เธอเป็นช่างภาพชาวอเมริกัน ทั้งคู่เริ่มคบหากันดูเหมือน beatles ทั้งสี่จะเริ่มมีครอบครัวกันหมด ความบ้างานแบบหนุ่มย่อมหายไปแล้วทดแทนด้วยครอบครัว
Paul เริ่มเข้าควบคุมอีกครั้งในอัลบัมต่อไปโดยวาดภาพให้ beatles ทำการบันทึกเทปวีดีโอในสตูดิโอที่ทำขึ้นใหม่ขณะทำงาน อัลบั้มไปด้วยเพื่อผลิตเป็นสารคดี โดยหวังว่าการทำอะไรใหม่ๆ จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับวงขึ้นบ้าง โปรเจคนี้ภายหลังมันถูกเรียกว่า 'Let it be'
แต่ผลลัพท์กลับไม่เป็นอย่างที่คิด beatles ต้องทำงานกันอย่างกระอักกระอ่วน มีตากล้องอยู่เต็มไปหมด John พา Yoko เข้ามาในสตูดิโอ และบ่อยครั้งทั้งคู่ก็เหมือนสร้างโลกส่วนตัวกันแล้วไม่สนใจทำงาน สร้างความอึดอัดใจให้กับสมาชิกวงคนอื่นๆ รวมถึงความเจ้ากี้เจ้าการของ paul ที่สร้างปัญหากับคนอื่นๆ เขาพยายามออกคำสั่งกับสมาชิกให้ทำตาม ให้เล่นตามที่เขาต้องการ ทำตามที่เขาต้อง จนทำให้ George ทะเลาะมีปากเสียงกันเล็กๆ กลายเป็นว่านี่เป็นสารคดีบันทึกการแตกหักของวงเสียแล้ว

เมื่อสถานการณ์แล้วร้ายลงไปเรื่อย พวกเขาตัดสินใจกลับไปทำงานที่สตูดิโอเดิมที่ abbey road โดยให้ตากล้องจำนวนหนึ่งตามไปบันทึกภาพต่อ บรรยากาศเริ่มดีขึ้นเข้าไปอึกเมื่อได้ Billy Preston มาเล่นคีย์บอร์ด พวกบีทเทิลส์ตื่นเต้นที่ได้ทำงานกับคนใหม่ๆบ้าง สุดท้ายทั้งสี่ตัดสินใจขึ้นแสดงคอนเสิร์ตบนหลังคาตึก abbey road ไม่มีใครรู้เลยในขณะนั้นว่านั่นคือคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของ the beatles

ปี1969 จอห์น และ โยโกะ , พอล และ ลินดา ก็แต่งงานในเวลาใกล้ๆกัน จอห์นเริ่มทำกิจกรรมเพื่อสันติภาพกับโยโกะ บันทึกเพลงเรียกร้องสันติภาพอันลือชื่อของพวกเขา Give Peace A Chance ที่ห้องนอนในโรงแรมโดยมีบรรดานักข่าวและเพื่อนที่มาร่วมทำหน้าที่เป็นลูกคู่ประสานเสียง ต่อมาเพลงนี้ก็ได้ผลิตออกวางจำหน่าย แม้จะเป็นกิจกรรมของเขาและโยโกะ ในเครดิตเพลงนี้ก็ยังเป็น Lennon/McCartney แต่ไม่ได้ออกในนาม beatles แต่เขาใช้ชื่อว่า Plastic Ono Band
นอกจากนั้นปัญหาด้านการเงินยังไม่หมด พอลพยายามเอาญาติทางภรรยามาทำงานเป็นผู้จัดการวงให้ได้ ในขณะคนที่เหลือต้องการคนอื่นมากกว่าทำให้พอลหัวเสียมาก ขณะที่โลกกำลังตื่นเต้นกับเทศกาลดนตรี woodstock พวกเขากลับกำลังฆ่าฟันกันด้วยเรื่องเงินๆทองๆ
ในขณะที่ Let it be อยู่ในขั้นตัดต่อ แม้ไม่ใครพูดออกมาก็ดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้ว่าวงใกล้ถึงจุดจบแล้ว เพื่อเป็นการสั่งลาอย่างไม่เป็นทางการ ทั้งสี่วางแผนจะทำกันอีกอัลบัมแล้วตามตัว george martin กลับมาโปรดิวซ์ พวกเขากลับมามีไฟอย่างไม่น่าเชื่อ พวกเขาทำงานด้วยกันเป็นครั้งสุดท้ายด้วยใจรักดนตรีจริงโดยลืมเรื่องเงินทองไปก่อน
อัลบัมถูกตั้งชื่อง่ายๆว่า Abbey Road และถ่ายปกอัลบัมกันที่ทางม้าลายหน้าสตูดิโอนั่นเอง บทเพลงในอัลบัมน่าจดจำมากมาย ในหน้า B จะนำเพลงที่ทำไม่เสร็จทั้งหลายมาเรียงร้อยกันเป็น medley ของจอห์น 2 เพลง ของพอล 3 เพลง Medley ของพอลที่ลงท้ายด้วยเพลง The End ราวกับสั่งลา หลังอัลบัม abbey road วางแผงทางวงก็แตกกันอย่างไม่เป็นทางการ
John และ Yoko ก็ซุ่มทำอัลบั้มนี้มีชื่อว่า John Lennon/Plastic Ono Band มีเพลง God ที่แสดงถึงความหมดหวังในทุกๆสิ่งรวมถึง The Beatles ด้วย เขาเหลือเพียง2สิ่ง คือตัวเขาและโยโกะ แน่นอนว่าไม่มีเครดิต Lennon/McCartney แล้ว

Paul ติดตามข่าว John กับ Yoko เมื่อเขาทราบว่า John กำลังผลิตอัลบั้มเดี่ยวของเขา Paul ก็คิดจะทำบ้าง เขาใช้เวลา 2 เดือนโดยร้องและเล่นดนตรีทุกชิ้นด้วยตัวเอง ใช้ชื่ออัลบัมว่า 'McCartney' ในเดือนมีนาคม 1970 Paul บอกกับ Johnว่าเขาจะขอลาออกจาก The Beatles John ย้อนถามว่ายังมี The Beatles อยู่อีกเหรอ?
Paul พยายามดันให้ต้นสังกัดออกอัลบัม McCartney ให้เร็วที่สุดแต่ถูกปฏิเสธ เพราะอัลบัม Let it be ได้ถูกเรียบเรียงเสร็จและกำลังวางแผง และภาพยนตร์สารคดี let it be ก็กำลังจะฉายในเวลาเดียวกัน Paulโกรธมาก Ringo รู้ข่าวพยายามจะไปพูดคุยกับ Paul ก็ถูกไล่ออกมา ทางวงทั้งหมดจึงตัดสินใจ เลื่อนเวลาวางแผง let it be เพื่อให้อัลบัมเดี่ยวของ Paul วางก่อน โดยเห็นแก่มิตรภาพ
ในงานแถลงข่าวอัลบัมเดี่ยวของพอล เขาได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเขาลาออกจาก beatles แล้วทำให้ John โกรธมาก เพราะคนที่เป็นยุบวงน่าจะเป็นเขาผู้เป็นคนที่ก่อตั้งวงนี้ไม่ใช่ Paul ดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งคู่ถึงจุดแตกหักแล้ว ต่างฝ่ายต่างพูดสิ่งไม่ดีของอีกฝ่ายใส่กันและมันก็หมายความว่า การแข่งขันของ John และ Paul ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลังจากทั้งคู่พ้นร่มเงาของ Lennon/McCartney สัญญาใจของเด็ก ม.ปลายสองคน
ไม่เห็นภาพ มีแต่กรอบครับ
ตอบลบชอบคำพูดมากครับ สัญญาใจของเด็กม.ปลาย 5555
ตอบลบ