
ในวันที่ 8 ธันวาคม 1980
ห้าโมงเย็น จอห์นกับโยโกะ ออกจาก Dakota Apartment เพื่อเดินทางไปบันทึกเสียง
ระหว่างเดินไปที่ลีมูซีน แฟนเพลงซึ่งเป็นชายร่างท้วมสวมแว่นตา เดินเข้ามาพร้อมกับ
อัลบัม Double Fantasy และขอลายเซ็นกับ จอห์น
จอห์นเซ็นให้ ก่อนถามว่า "ต้องการอะไรอีกไหม?"
"ไม่ครับขอบคุณ" ชายคนนั้นตอบ
แล้วจอห์นและโยโกะ ก็เดินขึ้นรถไป
หลายชั่วโมงอันเหน็ดเหนื่อยผ่านไป หลังจากอัดเพลง Walking On thin Ice เสร็จ
จอห์น เห็นว่าดึกแล้ว เขาอยากกลับมาให้ทันส่ง ฌอน ลูกชายเข้านอน
เขากับโยโกะจึงเดินทางกลับบ้าน
สี่ทุ่มห้าสิบนาที จอห์นและโยโกะกลับมาที่พัก แฟนเพลงคนเดิมปรากฏตัว
โยโกะเดินนำ ตามด้วย จอห์นที่มองเขาครู่นึงก่อนเดินต่อไป
"Mr.Lennon"เขาร้องขึ้น - ตามด้วยกระสุนอีกห้านัดเข้าที่หลังและไหล่ของ จอห์น เลนนอน
อีกหนึ่งนัดไปโดนกระจกของ Dakota
จอห์นร้องว่าถูกยิง ก่อนทรุดตัวลงไป ยามเฝ้า Dakota รีบรุดเข้ามา
และเมื่อเห็นร่างท่วมเลือดของจอห์น เขาจึงกดสัญญาณเตือนภัย
โยโกะ โอโนะหันมาเห็นหวีดร้องด้วยความตกใจ
ใกล้ๆกันแฟนเพลงผู้ลั่นไกยังอยู่ เขาค่อยๆนั่งลงที่ทางเท้า ทิ้งปืนลงพื้น
ก่อนหยิบหนังสือ The Catcher in The Rye ขึ้นมาอ่าน
"รู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป !" ยามตะโกนใส่ พร้อมกับเตะปืนให้ออกไกลๆ
"ผมพึ่งยิง จอห์น เลนนอน" ชายคนนั้นตอบอย่างเยือกเย็น
ตำรวจเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ตำรวจพบฆาตกรนั่งอยู่ที่เดิม
เขาถูกค้นตัวพบหนังสือ Cathcer in the Rye ,และเทปเพลง
ที่อัดเพลงของ The Beatles ไว้เต็มม้วน
จอห์น เลนนอน ถูกนำตัวเข้าในรถตำรวจ เพื่อรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล
ตำรวจรีบถาม จอห์น เลนนอน เพื่อให้ตื่นตัวไม่หมดสติ "คุณจำชื่อตัวเองได้ไหม?"
จอห์น เลนนอนตอบ...I'm Legend ... พูดเล่นน่า เด๋วจะเครียด จอร์นตอบว่า I'm John Lennon...
......ซึ่งนั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของเขา....
ห้าทุ่มสิบห้านาที จอห์น เลนนอน ถูกประกาศว่าเสียชีวิต
จากสาเหตุหัวใจล้มเหลวหลังเสียเลือดเกินกว่าร่างกายจะรับไหว
ผู้คนเนื่องแน่นที่โรงพยาบาล หลายคนร้องไห้ ไม่เชื่อกับข่าวที่ได้รับ
ชาวอเมริกันที่กำลังชม เกมส์อเมริกันฟุตบอล NFL คู่ Monday Night
ได้รับข่าวร้ายที่แทรกเข้ามาโดยผู้บรรยาย
ที่หน้า Dakota Apartment คนค่อยๆมาชุมนุมกันจนเนื่องแน่นถนน
เพลงของ The Beatles และ John Lennon ถูกเปิดในทุกๆสถานี
ทุกร้านอาหารและผับในนิวยอร์ดร่วมบรรเพลงของ Lennon และ Beatles
แม้แต่ผับแจ๊ซ ที่ไม่เคยเล่น Rock'n'Roll
ในอังกฤษบ้านเกิดของ จอห์น เลนนอน เป็นเวลาเช้าของวันที่ 9
ป้าMimi ผู้เลี้ยงดูจอห์นตั้งแต่เด็ก เสมือนแม่ของจอห์น ผู้เคยบอกกับจอห์นว่า
'ดนตรีนะก็โอเค แต่มันเป็นอาชีพไม่ได้' เธอได้แต่ร้องไห้อยู่ในบ้าน(ถ้าได้ดูหนังประวัติจอร์น
คุณจะรักป้า มีมี่)
ซินเธีย ภรรยาเก่า และ จูเลี่ยน ลูกชายคนแรกของจอห์นทราบข่าวแล้วเตรียมตัวเดินทางไปนิวยอร์ค
จูเลี่ยนอาจจะเริ่มต้นไม่สวยเท่าไรกับพ่อของเขา ทั้งปัญหาหย่าร้าง
แต่ช่วงหลังๆไม่นาน เขาเพิ่งฟื้นความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อ รวมทั้งน้องชายต่างแม่อย่าง ฌอน
ที่เขาได้ไปใช้ชีวิตช่วงวันหยุดกับครอบครัวใหม่ของพ่อ แต่ทั้งก็จบลงแล้ว
ริงโก้ สตาร์ กำลังพักผ่อนกับครอบครัวที่บาฮาม่า เขารีบมาที่นิวยอร์ค ก่อนหลบนักข่าว
เข้าทางประตูหลังของ Dakota เพื่อพบโยโกะ และ ฌอน เลนนอน
พอล แม็กคาร์ทนีย์ ให้สัมภาษณ์ที่ลอนดอน ว่า จอห์นเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่
และจะถูกจดจำไปตลอดกาล ส่วน จอร์จ แฮริสันเขาโกรธเกินกว่าจะให้สัมภาษณ์ใดๆทั้งสิ้น
มีรายงานการฆ่าตัวตายของแฟนเพลง บ้างว่านี่คือจุดจบของยุคสมัย
โยโกะ โอโนะจึงออกมาแถลง ให้ทุกคนมีชีวิตต่อไป นี่ไม่ใช่จุดจบของยุคสมัย
ช่วยกันสนองเจตนารมณ์ของจอห์นให้อยู่ต่อไป
โยโกะยังบอกว่า เธอเพิ่งบอกข่าวแก่ฌอน เลนนอน วัยห้าขวบ
ให้ทราบข่าวการเสียชีวิตของพ่อ และเขากำลังร้องไห้อยู่
ผู้คนยังคงเนื่องแน่น เสียงเพลงดังก้องไปทั่ว
เวลาค่อยผ่านไป เพลงแล้วเพลงเล่า
เช่นกัน ..วันที่ 8 ธันวาคม ก็ค่อยๆผ่านพ้นไป
จนเวียนเป็นวาระครบรอบ หลายสิบปีแล้ว
โลกยังไม่ลืม จอห์น เลนนอน และสิ่งที่เขาฝากไว้

" ผมแต่งเพลงเพื่อคนรุ่นเดียวกับผมจากยุค 60s
ที่กำลังใช้ชีวิตอยู่เหมือนๆผม... ตอนนี้มีลูก มีเมียกันแล้ว
ผ่านพ้นอะไรต่อมิอะไรมาด้วยกัน ผมร้องเพลงให้พวกเขา...
.....ผมหวังว่าเด็กรุ่นใหม่จะชอบเพลงของผม
แต่ผมตั้งใจจะพูดกับคนรุ่นเดียวกันที่โตมากับผม
ผมบอกกับพวกเขาว่า "ผมอยู่นี่!...พวกคุณละเป็นไงบ้าง?
สุขสบายดีไหม ผ่านอุปสรรคมาได้ไหม? ยุคเซเวนตี้น่าเซ็งเนอะ?
มาเถอะมาช่วยกันสร้างยุค80s ให้ดีกัน...
....เราจะสามารถทำอะไรได้มากมาย ใช่ว่าเราจะแก่เกินแกง
ผมยังเชื่อในความรัก สันติภาพ การมองโลกแง่ดี
ฉะนั้น เพราะอะไรถึงไม่ลองช่วยกันซักตั้งละ?
...ผมไม่ได้มองโลกแง่ดีตลอดเวลา
แต่เมื่อใดที่ผมมองโลกแง่ดี ผมพยายามจะนำเสนอมันออกไป "
...พวกเราต้องขอบคุณพระเจ้า หรืออะไรก็ตามบนฟ้า
กับความจริงที่ว่า พวกเรายังมีชีวิตอยู่...
..เราผ่านสงครามเวียดนาม ผ่านคดีเวอร์เตอร์เก็ต
และความเลวร้ายต่างๆบนโลกมาได้
พวกเราก๋ากั่นกันน่าดูตอนยุค 60s ....แต่โลกไม่เหมือนยุค 60s อีกต่อไปแล้ว
อะไรต่ออะไรเปลี่ยนไปหมด เรากำลังเข้าสู่อนาคตที่เราคาดเดาไม่ได้
แต่เราก็ยังอยู่ด้วยกันที่นี่ เรายังพร้อมผจญภัยกัน
..เปี่ยมด้วยชีวิตและความหวัง "
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น