
ปี 1974
ปาร์ตี้หนึ่งที่บ้านของโรเบิร์ต สติกวู้ดในสแตนมอร์ แขกในวันนั้นมี จอร์จ แฮริสัน อดีตสี่เต่าทอง และภรรยา-แพ็ตตี้ ร่วมอยู่ด้วย เอริค แคลปตันทราบดีว่าเพื่อนรักของเขาอยู่ในงาน และแคลปตันก็ไปในงานนี้เพื่อคุยกับจอร์จโดยเฉพาะ เทพเจ้ากีต้าร์หนุ่มเดินดุ่มเข้าไปหาจอร์จ ไม่มีคำทักทายใดๆนอกจากคำถามสำคัญที่เขาเฝ้ารอที่จะเอ่ยมาแสนนาน
“กูรักเมียมึงว่ะจอร์จ…มึงจะว่าไงวะ?”
แพ๊ตตี้ บอยด์ นางแบบดาวรุ่งได้พบกับจอร์จ แฮริสันครั้งแรกในการถ่ายภาพยนตร์เรื่อง A Hard Day’s Night เมื่อปี 1964 ทั้งคู่แต่งงานกันในอีกสองปีต่อมา ในขณะที่ The Beatles ยิ่งใหญ่จนจะกลายเป็นสถาบันมากกว่าแค่วงดนตรี ความเหมาะสมของจอร์จและแพ้ตตี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครกังขา แพ้ตตี้นั้นนอกจากจะสวยน่ารักในแบบสาวอังกฤษผสมบริจิตต์ บาร์โดต์ ยังเป็นคนที่มีรสนิยมเฉียบและอินเทรนด์สุดๆ เธอมีอิทธิพลถึงขนาดเป็นคนแรกที่ชักจูงจอร์จและเพื่อนๆBeatles เข้าหาวิธีการนั่งวิปัสนาอันนำไปสู่การเดินทาง
ไปแสวงหาความสงบในอินเดียในปี 1968 ‘Something’ เพลงของ The Beatles ที่ดังที่สุดที่เป็นงานประพันธ์ของจอร์จ ก็เป็นที่เชื่อกันว่าแรงบันดาลใจสำคัญมาจากตัวแพ้ตตี้ (แต่จอร์จไม่เคยยอมรับ)
แคลปตันและแฮริสันรู้จักกันมาตั้งแต่งานคริสต์มาสโชว์ของ Beatles ในปี 1964 แต่พวกเขามาเริ่มซี้กันจริงๆก็ยุคที่แคลปตันอยู่ในCream จอร์จเคยพาแพ้ตตี้ไปชมการแสดงของCreamครั้งหนึ่งที่ โรงภาพยนตร์ซาวิลล์ในลอนดอนที่เป็นของไบรอัน เอ็บสไตน์ผู้จัดการวง Beatles แพ้ตตี้เริ่มแอบปลื้มแคลปตันนิดๆตั้งแต่เห็นเขาบนเวทีวันนั้น “เขาเท่สุดๆและเล่นได้มหัศจรรย์มากๆ” คืนนั้นไบรอันจัดปาร์ตี้ต่อหลังคอนเสิร์ทและแพ้ตตี้ก็ประทับใจกับความเงียบขรึมไม่พูดไม่จาของแคลปตัน แบบว่าเก๊กเงียบได้สง่าจริงๆ
แคลปตันมาปิ๊งแพ้ตตี้จริงๆก็ในปี 1969 ช่วงนั้นครีมแยกย้ายกันไปแล้ว ส่วนวง Blind Faith ก็ยังไม่รู้ชะตากรรมสมชื่อ ก่อนหน้านี้ แคลปตันไปโซโลในเพลง While My Guitar Gently Weeps และจอร์จก็แต่งเพลง Badge ให้Cream และยังเล่นกีต้าร์ร่วมด้วย แคลปตันซื้อบ้านใหม่ในแถบใกล้ๆบ้านของจอร์จและแพ้ตตี้ที่ Esher ช่วงนั้นแคลปตันค่อนข้างจะว่างงานและปราศจากคู่ควงเป็นตัวเป็นตน เขาแวะเวียนไปนั่งคุยทีบ้านจอร์จบ่อยๆ “ทุกๆครั้งที่ผมจากบ้านจอร์จมา ผมจะรู้สึกอ้างว้างอย่างแสนสาหัส มันเป็นเพราะผมรู้ว่าผมคงไม่มีโอกาสได้เจอผู้หญิงคนไหนที่งดงามอย่างนี้อีก ผมรู้ว่าตอนนั้นผมหลงรักเธอเข้าแล้ว มันเป็นรักแรกพบ และอาการมันก็รุนแรงขึ้น รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ” แคลปตันเล่า

มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีทางออก จอร์จเป็นเพื่อนรักของเขา และสถานภาพก็เหนือกว่าแคลปตัน “ไม่เคยมีใครแย่งเมียบีเทิลส์มาก่อน มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้” แคลปตันเล่าถึงความคับข้องใจ “ผมรู้ตัวดีว่าไม่มีทางสมหวัง “
แต่แคลปตันก็ไม่ได้เก็บตัวร้องไห้เล่นกีต้าร์อยู่คนเดียว แม้จะสิ้นหวัง แต่เขาก็ยังพยายาม แต่วิธีการในการจีบสาวของกีต้าร์เทพนั้นช่างพิลึกพิกลซะ ครั้งหนึ่งเขาออกเดทกับ พอลล่า น้องสาวแท้ๆของแพ้ตตี้ที่อายุแค่ 18 ปี ด้วยหวังว่าจะดึงความสนใจของแพ้ตตี้ได้ มุขต่อมาก็คือการโทรไปให้แพ้ตตี้หาเพื่อนนางแบบให้หน่อย เพราะตอนนี้เฮียเหงาเหลือเกิน แพ้ตตี้ก็จัดให้เพราะเผอิญเธอมีเพื่อนนางแบบที่ว่างๆอยู่พอดี เธอพาเพื่อนไปที่อีเอ็มไอสตูดิโอที่จอร์จกำลังบันทีกเสียง All Things Must Pass ซึ่งแคลปตันเล่นกีต้าร์ให้ด้วยอยู่ คืนนั้นแคลปตันโชว์ความถ่อยสถุลใส่เพื่อนแพ้ตตี้สุดๆ จนเธอทนไม่ไหวแจ้นหนีไป แคลปตันโทรมาวันรุ่งขึ้นและบอกกับแพ้ตตี้หน้าตาเฉย “ผมไม่ได้ต้องการให้คุณหาสาวให้สักหน่อย ผมต้องการคุณต่างหาก”
ดูเหมือนยอดมือกีต้าร์จะคาดเดาสถานการณ์ถูก แพ้ตตี้อาจจะมีใจให้เขาอยู่ แต่เธอก็ไม่อาจทิ้งจอร์จมาหาเขาดื้อๆได้ ระหว่างนั้น แคลปตันไปได้หนังสือของเพอร์เซียมาเล่มหนึ่งจากเพื่อนชื่อ เอียน ดัลลาส หนังสือเล่มนั้นคือ The Story Of Layla and Majnun , Laylaคือเจ้าหญิงผู้สูงส่งที่ถูกพ่อบังคับให้แต่งงานกับชายที่หล่อนไม่ได้รัก ส่วน Majnun นั้นแปลเป็นไทยได้ว่า “คนบ้า” เขาคือชายผู้หลงรัก Layla หลงรักจนเป็นบ้า แคลปตันอ่านแล้วก็อินเต็มเปา เขานั่นหรือคือ Majnun ส่วนแพ้ตตี้นั้นไซร้ก็ย่อมต้องเป็น Layla
แคลปตันใช้แรงบันดาลใจและหัวใจร้าวรานมาเป็นธีมหลักของอัลบั้ม Layla and other Assorted Love Songs ที่เขาบันทึกเสียงร่วมกับวงใหม่ของเขา Derek And The Dominos เพลง Layla เป็นเพลงที่เขาตั้งใจแต่งให้แพ้ตตี้แบบตรงๆด้วยเนื้อหาอย่าง ‘I tried to give you consolation; When your old man had let you down. Like a fool, I fell in love with you. You turn my whole world upside down.’ หรือ ‘Please don’t say we’ll never find a way and tell me all my love’s in vain.’ เพลงและอัลบั้มนี้กลับกลายเป็นงานบลูส์ร็อคชั้นคลาสสิกของวงการดนตรี เสียงร้องและการเล่นกีต้าร์ของแคลปตันทุกเม็ดดุจกลั่นมาจากน้ำตาที่หัวใจเขาร่ำไห้ออกมา ดวน ออลแมนโคตรมือสไลด์จาก Allman Brothers มาร่วมขยี้กีต้าร์ด้วยในหลายแทร็ค
คืนหนึ่งหลังจากการพบกันโดยบังเอิญที่โรงละคร แคลปตันสบโอกาสพาแพ้ตตี้มาบ้านและเปิดอัลบั้มนี้ให้ฟังทั้งอัลบั้ม พร้อมกับยัดหนังสือเล่มนั้นให้อ่าน แพ้ตตี้รู้สึกสับสนและมึนไปหมดกับอารมณ์ของตัวเอง ทั้งปลื้ม ช็อค ความจริงจังของแคลปตันก็ทำให้เธอหวาดผวา “ฉันรู้ว่าความรู้สึกของเขาที่มีให้ฉันนั้นมันรุนแรงมาก แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นอุทิศเพลงให้ทั้งอัลบั้มอย่างนี้” หลังจากนั้นทั้งคู่แอบลอบเจอกันเป็นครั้งคราว แต่ในที่สุดแพ้ตตี้ก็ละอายใจและบอกว่าจะเจอแคลปตันอีกครั้งเดียวเป็นครั้งสุดท้าย…. กีต้าร์เทพทำอะไรไม่ถูก เขายื่นข้อเสนอที่ทั้งโง่เขลาและน่าสมเพช ด้วยการกระแทกถุงเฮโรอีนลงบนโต๊ะและขู่ว่าถ้าเธอตัดขาดจากเขา เขาจะอยู่กับไอ้นี่ไปตลอดอีกสองปีข้างหน้า ผลก็คือแพ้ตตี้วิ่งเตลิดออกไปและเก็บตัวเงียบในบ้านจอร์จไม่ออกมาเจอแคลปตันอีกเลย ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น แคลปตันทำตามสัญญา แถมยังเกินอีก สามปีต่อมาชีวิตของเขาดำดิ่งถึงก้นบึ้งไปกับเหล่ายาเสพติด ขณะเดียวกันแพ้ตตี้ก็เริ่มเบื่อหน่ายชีวิตสมรสกับจอร์จที่วันๆเอาแต่บ้าปรัชญาอินเดียไม่สนใจอะไรเลย
พีท ทาวเชนด์แห่ง The Who เป็นคนสำคัญที่ดึงแคลปตันให้เลิกยาได้ “เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เอริครอดตายออกมาได้ก็เป็นเพราเขายังคิดว่าเขายังอาจจะมีโอกาสอยู่บ้างที่ฝันจะเป็นจริง เขาต้องกลับมา”
และการกลับมาคราวนี้แคลปตันมุ่งมั่นเต็มที่ว่างานนี้จะไม่มีกรณี “ผัวเผลอมาเจอกัน” อีกแล้ว เขาต้องคุยกับจอร์จให้รู้เรื่องไปเลย(โว้ย)
“กูรักเมียมึงว่ะจอร์จ…มึงจะว่าไงวะ?”
“เอาไงก็เอาว่ะเพื่อน กูไม่วอรี่หรอก”
แคลปตันแทบช็อคกับคำตอบของจอร์จ แฮริสัน เขาคิดว่างานนี้น่าจะโดนจอร์จตั้นหน้ามากกว่า ส่วนแพ้ตตี้กลับเฮิร์ทมากที่จอร์จทำกับเธอเหมือนไร้ค่า
“มึงเอาเมียกูไป แล้วก็เอาแฟนมึงมาแลกกัน” จอร์จเสริมด้วยกลัวเพื่อนรักจะเกรงใจที่ได้ของฟรี
แต่แพ้ตตี้ก็ไม่ได้วิ่งไปซบอกแคลปตันทันที มันจะทุเรศไปหน่อย แคลปตันใช้ยุทธวิธีอีกสองสามประการในการจูงใจ แต่ประเด็นสำคัญดูเหมือนแพ้ตตี้จะรอดูให้แน่ใจว่าจอร์จไม่แคร์อะไรเธออีกแล้ว และในที่สุดขณะที่แคลปตันทัวร์อเมริกาเพื่อโปรโมทอัลบั้มคัมแบ็คของเขา 461 Ocean Boulevard แพ้ตตี้ก็ตอบรับด้วยการบินไปร่วมทัวร์กับเขา นั่นเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่แท้จริงของ ‘Layla’ และ ‘Magnun’
ความสัมพันธ์ของแคลปตันและจอร์จยังเป็นไปด้วยดี หนึ่งปีต่อมาขณะที่ทั้งสามกำลังนั่งคุยกัน จอร์จก็โพล่งขึ้นมาว่า “กูว่ากูคงต้องหย่ากับเธอแล้วว่ะ” แคลปตันตอบทันควัน “งั้นกูก็คงต้องแต่งกะเธอซะทีแล้วโว้ย!”
แคลปตันและแพ้ตตี้แต่งงานกันในปี1979 (จอร์จไปงานนี้ด้วย) หลังจากเธอหย่าขาดจากจอร์จได้สองปี แคลปตันแต่งเพลงให้แพ้ตตี้อีกหลายเพลง หนึ่งในนั้นคือ ‘Wonderful Tonight’ ถ้าเป็นนิทานเรื่องนี้ก็คงต้องจบอย่างชื่นมื่น แต่ชีวิตจริงก็คือ พวกเขาไปกันไม่รอด ปัญหาใหญ่อยู่ที่ตัวแคลปตันที่หันไปติดเหล้าอย่างหนัก และความติสต์แตกต่างๆนาๆ บวกกับนารีอื่นๆ บ๊อบบี้ วิทล็อคเพื่อนของทั้งสองและหนึ่งใน The Dominos สรุปเรื่องนี้ไว้ว่า
“จริงๆแล้ว เธอไม่ใช่คนที่เขาต้องการโดยสิ้นเชิง ก็อย่างว่า การล่าน่ะมันน่าตื่นเต้นกว่าการฆ่า”
ทั้งคู่แยกทางกันในปี 1988 และชีวิตก็ดำเนินต่อไป…

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น