
ประวัติ Ringo Starr
การที่พีท เบสท์ ถูกให้ออกจากวงเดอะบีทเทิลส์นั้นสร้างความไม่พอใจให้กับ แฟนเพลงชาวลิเวอร์พูลเป็นอย่างมาก เพราะว่าเขาเป็นขวัญใจวัยรุ่นโดยเฉพาะบรรดา สาวๆ คลั่งไคล้เขาเอามากๆ ไบรอันจึงได้ว่าจ้างบอดี้การ์ดมาคุ้มครองเด็กๆ ของ พวกเขาขณะที่ไปเล่นดนตรีที่เดอะคาเวิร์น นอกจากนี้ไบรอันก็ยังต้องหามือกลอง ฝีมือดีให้ได้ก่อนที่จะถึงวันนัดทำการบันทึกเสียงในตอนต้นเดือนกันยายน 1962 ขณะที่ริงโก สตาร์ถูกทาบทามให้มาร่วมกับเดอะบีทเทิลส์นั้นเขาอายุ 22 ปี ริงโก มีชื่อจริงว่า Richard Starkry, Jr. และมีชื่อเล่นว่า Ritchie เขาเกิดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 1940 ในลิเวอร์พูล ริงโกเป็นบุตรของ Richard Starkey, Sr. และ Elsie Gleave ริงโกถูกเลี้ยงมาในสลัมท่าเรือของลิเวอร์พูลที่ชื่อว่า Dingle เมื่อ เขาอายุได้ 3 ขวบ พ่อของเขาซึ่งขณะนั้นทำงานอยู่ในโรงงานทำขนนปังก็ได้ทิ้งเขา ไป เอสซี่จึงต้องเลี้ยงลูกตามลำพังโดยทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในบาร์
เมื่อริงโก อายุได้ 6 ขวบก็ถูกส่งเข้าโรงเรียน St.Silas's School วันหนึ่งริงโกมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง เขาถูกส่งเข้าโรงพยาบาลและพบว่า ไส้ติ่งแตก อาการของเขาหนักมาก เขาจึงต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลเกือบ 3 เดือน จึงต้องฉลองวันเกิดอายุ 7 ขวบในโรงพยาบาล เมื่อออกจากโรงพยาบาลเขาก็ต้องกลับ มาตรวจอยู่เสมอ จากการป่วยครั้งนี้ทำให้เขาเรียนไม่ทันเพื่อน กลายเป็นคนอ่อนแอ และท้อถอยที่จะทำอะไร เมื่อเอลซี่แต่งงานใหม่กับ Harry Gleave ช่างทาสีบ้าน ริงโกจึงมีความสุขขึ้นมา อีกครั้งหนึ่ง เขารักพ่อเลี้ยงเขามาก ต่อมาเมื่อริงโกอายุได้ 13 ขวบ เขาก็ป่วยเป็น โรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบ ต้องนอนรักษาตัวอยู่นานถึง 2 ปี ที่โรงพยาบาล Herswall Children's Hospital โดยไม่ได้เรียนหนังสือ ริงโกออกจากโรงพยาบาลเมื่อเขาอายุ ได้ 15 ปี เขาหมดความตั้งใจที่จะเรียนหนังสือต่อเพราะช้าไปมากจึงตัดสินใจหางานทำ งานชิ้นแรกของเขาก็คือพนักงานส่งสาร ในปี 1956 ดนตรีในแบบ Skiffle กำลังระเบิดไปทั่วลิเวอร์พูล ริงโกซึ่งเคยหัด ตีกลองตอนที่ป่วยอยู่ในโรงพยาบาลก็ได้เขามาร่วมวงกับ Eddie Clayton ซึ่งเคยเป็น สมาชิกของวงเดอะควอรีเมนมาก่อน ริงโกเล่นดนตรีมาเรื่อยๆ จนกระทั่งในปี 1959 เขาก็กลายเป็นมือกลองอาชีพ และเป็นมือกลองของวง Rory Storm and the Hurricanes ซึ่งเป็นวงดนตรีที่ใหญ่ที่สุดของลิเวอร์พูลในขณะนั้น ตอนนี้เองเขาได้เปลี่ยนชื่อมา เป็นริงโกเพราะว่าเขาชอบใส่แหวนหลายๆ วง
ส่วนคำว่า สตาร์ ก็มาจาก นามสกุลสตาร์กีของเขานั่นเอง เดอะบีทเทิลส์รู้จักกับริงโกมานานแล้วตั้งแต่สมัยที่พวกเขาไปเล่นดนตรีในฮัมบูร์ก ในตอนนั้นจอร์จ แฮร์ริสัน โทรศัพท์ไปชวนริงโกให้มาอยู่กับเดอะบีทเทิลส์นั้น วง Rory Storm and the Hurricanes กำลังเสื่อมความนิยม จอร์จเสนอค่าจ้างให้ ริงโกอาทิตย์ละ 25 ปอนด์ซึ่งริงโกก็ตอบตกลงทันที และรีบเปลี่ยนทรงผมของเขามา เป็นทรง "สี่เต่าทอง" ให้เหมือนกับเพื่อนร่วมวงทั้งสาม
ริชาร์ด สตาร์คีย์ (อังกฤษ: Richard Starkey) MBE เกิดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1940 หรือมีชื่อที่เป็นที่รู้จักคือ ริงโก

สตาร์ (อังกฤษ: Ringo Starr) เป็นนักดนตรี นักร้อง-นักแต่งเพลง และนักแสดงชาวอังกฤษ เป็นที่รู้จักที่สุดในฐานะมือกลองวงเดอะบีทเทิลส์ สตาร์เป็นคนสุดท้ายที่เข้ามาร่วมวงเดอะบีทเทิลส์ แทนที่ พีต เบสต์ เขาเป็นสมาชิกที่แก่ที่สุดอันดับสองของวง ถัดจากสจ๊วต ซัตคลิฟฟ์สตาร์เป็นมือกลองใหักับวงเดอะบีทเทิลส์ แต่ก็ประสบความสำเร็จในการเป็นนักแต่งเพลงให้กับวง อย่างเช่น "Don't Pass Me By"และ "Octopus's Garden" และยังได้ร้องนำในเพลงอย่างเช่น "Yellow Submarine", "With a Little Help from My Friends", "WhatGoes On", "I Wanna Be Your Man", "Boys", "Act Naturally", "Honey Don't", and "Good Night" รวมถึงประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยว กับเพลงดังอย่าง "It Don't Come Easy", "Photograph" และ "You're Sixteen" นอกจากนี้สตาร์ยังร่วมแสดงในรายการ Thomas and Friends ระหว่างปี 1984 -1986
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น